ทำไมต้องสลับยางรถยนต์ ?

May 23, 2025
ยางรถยนต์เป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ส่งผลต่อทั้งความปลอดภัย การควบคุมรถ และแม้กระทั่งการประหยัดน้ำมันเลยทีเดียว! หนึ่งในปัญหาที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ยางแตก หรือยางระเบิด ซึ่งนอกจากจะทำให้รถเสียหายแล้ว ยังเสี่ยงต่อชีวิตของคนขับและผู้โดยสารด้วย
คำถามที่หลายคนสงสัยตามมาก็คือ ถ้าเกิดเหตุ ยางแตก หรือ ยางระเบิด แบบไม่คาดคิดขึ้นมา ประกันรถยนต์จะจ่ายให้ไหม? ก่อนจะไปถึงคำตอบนั้น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอะไรเป็นต้นเหตุของยางระเบิด และเราจะป้องกันได้อย่างไรบ้าง
ทำไมยางถึงแตกหรือระเบิด?
ยางรถไม่ได้แตกเองแบบไม่มีเหตุผล แต่มักเกิดจากหลายปัจจัย โดย ASN Broker แบ่งต้นเหตุของยางระเบิดได้ดังนี้
1.แรงดันลมยางผิดมาตรฐาน – ลมน้อยเกินไปหรือมากเกินไปก่อให้เกิดความร้อนสะสมในยาง
2.ยางเสื่อมสภาพ – ยางเก่า ยางแห้งแข็ง หรือมีรอยแตกลายงา
3.สึกหรอไม่เท่ากัน – โดยเฉพาะถ้าไม่เคยสลับยาง จะทำให้บางจุดบางลงง่าย
4.บรรทุกของหนักเกินไป – น้ำหนักเกินกำลังรับของยาง
5.เหยียบของมีคม หรือหลุมแรง ๆ – ทำให้เกิดแผลฉีก ร้าว ลึก
6.ยางปูดจากการกระแทกแรง ๆ – บางครั้งเราไม่รู้เลยว่ายางเริ่มบวมอยู่ภายใน
ทำไมต้องสลับยางรถยนต์?
การสลับยาง หมายถึง การเปลี่ยนตำแหน่งของยาง เช่น ย้ายยางหน้ามาหลัง หรือสลับซ้าย-ขวา
เพื่อลดการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอ เพราะล้อแต่ละตำแหน่งรับน้ำหนักไม่เท่ากัน
1.ยางหน้า-หลังสึกไม่เท่ากัน!
โดยเฉพาะรถขับหน้า ล้อหน้าจะรับภาระหนักกว่าล้อหลัง เพราะต้องรับน้ำหนักเครื่องยนต์ + บังคับทิศทาง + เบรกด้วย ผลลัพธ์คือ… ยางหน้าจะสึกเร็วกว่า! ถ้าไม่สลับยาง ยางหน้าอาจหมดก่อน ส่วนยางหลังก็ยังใช้งานได้อีกนาน
2.สลับยาง = ใช้ยางได้คุ้มทุกเส้น
การสลับยางทำให้ ทุกเส้นสึกเท่า ๆ กัน เพราะเราโยกตำแหน่งให้ยางทำงานสลับหน้าที่กัน เช่น จากหน้าไปหลัง จากซ้ายไปขวา หรือเป็นรูปแบบเฉพาะ (ขึ้นกับรถขับหน้า/หลัง/4WD) แบบนี้ก็ช่วย ยืดอายุยางโดยรวม ไปได้อีกหลายหมื่นโล
3. ป้องกันอาการรถส่ายหรือเบรกแล้วสะเทือน
ถ้ายางสึกไม่เท่ากัน อาจทำให้เวลาขับรถรู้สึกว่ารถวิ่งสั่น ๆ หรือ เบรกแล้วพวงมาลัยไม่นิ่ง พอเอารถไปสลับยางเป็นระยะ = ช่วยให้ล้อสมดุล รถวิ่งนิ่งและปลอดภัยกว่า
4. สลับยาง = ไม่ต้องเปลี่ยนยางทีละคู่
ถ้ายางหน้า 2 เส้นสึกหมดก่อน ยางหลังก็ยังดีอยู่ เราจะต้องเปลี่ยนยางแค่คู่หน้า แล้วปีหน้าก็เปลี่ยนคู่หลังอีก เสียดายทั้งเงินและเวลา สู้สลับยางให้สึกเท่ากัน แล้วเปลี่ยนทีเดียว 4 เส้น ยังจะคุ้มกว่า
ควรสลับยางเมื่อไหร่?
ทุก 10,000 กม. , ทุก ๆ 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) หรือ ทุกครั้งที่เข้าเช็คระยะ ถ้าขับรถหนักหรือใช้รถลุย ๆ หน่อย อาจจะสลับทุก 8,000 กิโลก็ได้
สลับยางแบบไหนดี?
ขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อน หากขับเคลื่อนล้อหน้า ให้สลับแบบไขว้ (หน้าไปหลัง + สลับซ้ายขวา) หากขับเคลื่อนล้อหลัง ให้หน้าไขว้ไปหลัง, หลังตรงขึ้นหน้า ส่วนขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ให้ไขว้กันทุกล้อ ทั้งนี้ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการสลับยางให้ เพราะการสลับยางมีหลายแบบ เช่น หน้าไปหลัง, ซ้ายไปขวา หรือไขว้กัน ซึ่งแต่ละแบบเหมาะกับรถและยางแต่ละประเภท
สัญญาณเตือนว่าต้อง เปลี่ยนยางใหม่
ถ้าเจอสัญญาณเหล่านี้ อย่าชะล่าใจ เพราะ ยางระเบิดได้จริง! โดยเฉพาะถ้าขับเร็ว ใช้ทางร้อน ๆ หรือบรรทุกของหนักในรถ
-ดอกยางเตียนจนเสมอสะพานยาง
-แก้มยางแตกลายงา แข็งกรอบ
-ยางปูด บวม เป็นลูก
-ขับแล้วรู้สึกสั่น ส่าย
-ยางมีรอยฉีก รอยเจาะลึก
-อายุยางเกิน 4-5 ปี
ยางระเบิดหรือแตก ประกันรถยนต์จ่ายไหม?
กรณีที่ประกันรถยนต์จ่าย หากคุณทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 และยางแตก/ยางระเบิดนั้นเกิดจาก อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการชน หรือการเฉี่ยวชน หรือยางแตกจนเกิด ความเสียหายอื่นกับรถ เช่น ล้อแม็กเสีย ตัวถังบุบ หรือรถเสียหลักชนอย่างอื่น บริษัทประกันจะคุ้มครอง ค่าซ่อมตามความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงเปลี่ยนยาง (บางกรณี) ซึ่งเงื่อนไขขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน หากไม่แน่ใจควรสอบถามตัวแทนก่อนทำประกัน
กรณีที่ประกันรถยนต์ไม่จ่ายถ้า ยางระเบิดจากการเสื่อมสภาพเองหรือ ไม่มีอุบัติเหตุอื่นตามมา โดยเฉพาะถ้าเป็น ประกันชั้น 2+, 3+ หรือ 3 ที่ไม่ครอบคลุมค่าเสียหายของตัวรถจากเหตุที่ไม่ชนกับรถอื่น ในกรณีนี้ ประกันจะถือว่าเป็น การเสื่อมสภาพตามการใช้งานของอะไหล่ ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครอง
ขับรถให้ปลอดภัย เริ่มจากดูแลยางให้ดีและอย่าลืมเลือกประกันรถยนต์ที่ใช่ กับโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้อย่าง ASN Broker ประกันรถยนต์ราคาเด็ด ดีลสุดคุ้ม พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี เช่น ยางรั่ว ยางแตก รถสตาร์ทไม่ติด มีให้เลือกทั้งประกันชั้น 1, 2+, 3+ จากบริษัทประกันชั้นนำยอดนิยม
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าประกันรถยนต์แบบไหนเหมาะกับคุณ ลองให้ทีมที่ ASN ช่วยแนะนำได้เลย ฟรี!